แนะซื้อหุ้นต้นเมษา กลุ่มได้ประโยชน์จากลดดอกเบี้ย – ส่งออก
บล. กรุงศรี พัฒนสิน คาดหุ้นไทยวันนี้ (3 เม.ย.67) อ่อนตัวแนวรับ 1,375-1,375 จุด ตามแรงกดดัน US bond yield พุ่งขึ้นหลังตัวเลขการเปิดรับสมัครงานสหรัฐสูงกว่าคาดซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปซึ่งเป็นลบต่อแนวโน้ม Fund flow ต่างชาติ อย่างไรก็ ตามคาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มที่มีปัจจัยบวกโดยเฉพาะกลุ่ม พลังงานหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจากความกังวลด้านอุปทานตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :
PTTEP TOP SPRC BCP BSRC PTTGC ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
TU GFPT ITC AAI SAPPE KCE HANA DELTA อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า
SCC SCGP DOHOME GLOBAL IVL อานิสงส์ PMI การผลิตจีนปรับตัวขึ้น
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 เมษายน 2567 คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% ตามเดิม แต่มีแนวโน้มที่จะมีมติเสียงคัดค้านเพิ่มขึ้นจากเดิม 5:2 ครั้งก่อน เป็น 4:3 ครั้งนี้ โดย บล.ทิสโก้คาดว่า กนงคำพูดจาก เว็บสล็อตแมชชีนแท้. มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายราว 0.50% ในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันตลาดเริ่มประเมินโอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยได้เร็วมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสำคัญของโลกส่งสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในปีนี้คำพูดจาก สล็อต777
จากการศึกษาวัฎจักรการลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาพบว่า ตลาดหุ้นไทยมักตอบสนองทางบวก (3 ใน 4 วัฎจักรดอกเบี้ยขาลงล่าสุด) โดยดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +19% (Max = +53%, Min = -21%) มีเพียงวัฎจักรการลดดอกเบี้ยครั้งครั้งล่าสุดที่ให้ผลตอบแทนติดลบ เพราะคาบเกี่ยวกับช่วงการเกิดวิกฤติ COVID-19 ระบาดในช่วงต้นปี 2563
สำหรับวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง กลุ่มอุตสาหกรรมที่มักเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด (โอกาส 75%) คือ กลุ่ม ICT (ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนละ +2.6%), HELTH (+2.2%), FIN (+1.9%), PROP (+1.9%), BANK (+1.3%) และ COMM (+1.2%)
แม้ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างซบเซา แต่หลังผ่านพ้นช่วงหยุดยาวสงกรานต์คาดจะกลับมาคึกคัก คาดหวังผลกระทบเชิงบวกจากการเริ่มใช้จ่ายเงินงบประมาณฯ และความชัดเจนของโครงการดิจิทัล วอลเล็ตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนนี้ นอกจากนี้ เราได้ศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังสงกรานต์นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา SET Index มีโอกาสสูงถึง 78% ที่จะปรับตัวขึ้น และให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +1.6% เพราะฉะนั้นนักลงทุนอาจหาจังหวะทยอยสะสมในช่วงครึ่งเดือนแรก เพื่อหวังผลในช่วงครึ่งเดือนหลัง
โดยสรุป SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งย่ำฐานอยู่ในกรอบหลัก 1,350-1,405 จุด ต่อไปในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจที่คาดจะฟื้นตัวเร่งขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากนโยบายการคลังหลังมีงบประมาณหลังปี 2567 เร่งเบิกจ่าย และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจากคาดการณ์ กนง.จะลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะหนุน SET Index ก้าวข้ามผ่านระดับ 1,405 จุดได้ในที่สุด โดยบล.ทิสโก้ ให้เป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ระดับ 1,500 จุด
หุ้นที่ บล.ทิสโก้มองว่ามีโอกาสปรับขึ้นดีกว่าตลาด (Outperform) คือ หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยหนุนระยะสั้น แนะนำ BDMS, CPALL, PTTEP และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในปีนี้ เด่น AEONTS, AP, MTC นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทน่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นส่งออก แนะนำ MEGA, TU เพราะฉะนั้นหุ้นเด่นของเราในเดือน เม.ย. คือ AEONTS, AP, BDMS, CPALL, MEGA, MTC, PTTEP และ TU ด้านแนวรับและแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,365 – 1,370 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,350 จุด แนวต้านสำคัญที่ 1,405 จุด และแนวต้านต่อไปที่ 1,430 – 1,440 จุด ตามลำดับ
แผ่นดินไหวรุนแรงใกล้เกาะไต้หวัน ญี่ปุ่นแจ้งเตือนสึนามิ
อีก 500 ปี ญี่ปุ่นจะมีแต่คนนามสกุล “ซาโต” ทั้งประเทศ!
พยากรณ์อากาศล่วงหน้า เตือน “พายุฤดูร้อน” รับมือ ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง